ประวัติความเป็นมา

ประวัติความเป็นมา ชุมชนไทลื้อ จังหวัดน่าน

จากการศึกษาวรรณกรรม การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรม ผลจากการท่องเที่ยวในจังหวัดน่าน และ การเปลี่ยนแปลงทางด้าน สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น''ทำให้ พบว่า การท่องเที่ยวส่งผลต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่นที่ดีขึ้น มีการยกระดับคุณภาพชีวิต ในแง่ ระบบสาธารณูปโภค ที่ครบครั้นและเมื่อมีการท่องเที่ยวที่มากขึ้น กลับส่งผลให้ อัตลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นเปลี่ยนแปลงไป จนมองไม่พบ อัตลักษณ์เดิมทางสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นเดิม

โดยจากการศึกษาทางเอกสารพบว่า องค์ประกอบต่างๆที่มีเปลี่ยนแปลง คือ รูปทรงของหลังคา , พื้นที่ใช้สอยภายในและภายนอกตัว, วัสดุในการก่อสร้าง เปลี่ยนแปลงเกิดจาก การพัฒนาด้านจิตใจของชุมชน ซึ่งเป็นนามธรรมตามไม่ทัน

จากที่ศึกษาวรรณกรรมต่างๆ พบว่า การสวนทางกันระหว่าง การพัฒนาจากการท่องเที่ยว ที่ส่งผลในทางลบต่อ การเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นหากสังเกตในเรื่องการท่องเที่ยว การศึกษา เป็นการท่องเที่ยวเชิงอุตสาหกรรมในการศึกษาเป็นหลักผลกระทบทางสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

วิถีชีวิตและประเพณี

วิถีชีวิตและประเพณีชาวไทลื้อ จ.น่าน

ชาวไทลื้อที่จังหวัดน่าน นับถือผี ควบคู่ไปกับศาสนาพุทธ เช่นเดียว กับชาวไทยวนการนับถือผี มีความผูกพันกับวิถีชีวิตมากกว่าศาสนาพุทธ มีหมอผีเป็นผู้นำในการประกอบพิธีกรรม เมื่อต้องเดินทางต้องบอกกล่าวผีหมู่บ้าน เพื่อขอความคุ้มครองเมือง

ความเชื่อของชาวไทลื้อที่ บ้านดอนมูลและบ้านต้นย่าง มีลักษณะพิเศษคือได้นำผีบ้านผีเมืองมาจากเมืองเดิมมาทำพิธีกรรมบวงสรวงผีเจ้าหลวงเมืองล้าด้วยประเพณีอยู่กรรม ที่เริ่มต้นในฤดูเก็บเกี่ยวสามปีต่อครั้ง ห้ามคนในออก คนนอกเข้าหมู่บ้าน

ประเพณีที่สำคัญของชาวไทลื้อคล้ายชาวเผาไท คือ มีประเพณีเรียกขวัญ การส่งเคราะห์ การสืบชะตาคน การสืบชะตาบ้าน การบูชาเทียน

ชาวไทลื้อมีความโดดเด่นเรื่องหัตถกรรม อดีต ฝ่ายชายจะผลิตเครื่องจักสาร ฝ่ายหญิงจะทอผ้า

ชุมชนชาวลื้อ มักจะอาศัยเส้นทาง 4 สาย ในลักษณะเคลื่อนลงใต้ ได้แก่

สายที่ 1 เข้าสู่ประเทศพม่า แถบเมืองยอง, เมืองผู่, เมืองหลวง, เมืองเชียงลาบ, เมืองไร, เมืองพะยาก, เมืองโก, เมืองโต้น, เมืองเลน, เชียงตุง

สายที่ 2 เข้าสู่เมืองหลวย,เมืองเชียงลาบ,เมืองไร,เมืองพะยาก,เมืองโก,เมืองโต๋น,เมืองเลน,เชียงตุง ประเทศเวียดนามที่เมืองบินลูห์,เมืองแทนและบริเวณฝั่งตะวัน ตกของแม่น้ำดำตามแนวพรมแดนติดกับจีน

สายที่ 3 เข้าสู่ประเทศลาวเช่น เมืองหลวงภูคา,เมืองเงิน เป็น

สายที่ 4 คือ ทางภาคเหนือของประเทศไทย ในจังหวัดเชียงราย,เชียงใหม่,ลำพูน,ลำปาง,พะเยา,น่านแพร่

ในส่วนการย้ายถิ่นฐานที่ชัดเจนของชาวไทลื้อ ที่เข้ามาสู่ประเทศไทย ก็เมื่อ พ.ศ.2347 หรือ ต้นรัตนโกสินทร์ โดย ชนชาวไทลื้อในจังหวัดน่าน นั้น ส่วนใหญตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ได้แก่

- อำเภอเมือง ที่ตำบลดูพงษ์

- อำเภอท่าวังผา ที่ตำบลศรีภูมิ,ตำเลสบยม,ตำบลจอมพระ,ตำบลแสงทอง ได้แก่บ้านแฮะ บ้านฮวก ในส่วนตำบลป่าคา ได้แก่ บ้านต้นฮาง และบ้านหนองบัวอำเภอปัว ที่ตำบลวรนครได้แก่ บ้านร้องแง,บ้านมอน,บ้านดอนแก้ว,บ้านติ๊ด,บ้านขอน ที่ตำบลศิลาแลง ได้แก่ บ้านตีนตุ๊ก , บ้านดอนไชย,บ้านศาลา,บ้านหัวน้ฎ และที่ตำบลศิลาเพชรได้แก่บ้านาคำ,บ้านป่าตอง,บ้านทุ่งรัตนา

- อำเภอเชียงกลาง ที่ตำบลยอดได้แก่ บ้านปางสา,บ้านผาสิงห์,บ้านผาหลัก,บ้านยอด

- อำเภอทุ่งช้าง ที่ตำบล งอบ ได้แก่ บ้านใต้ร่มโพธิ์ทอง , บ้านงอบเหนือ , บ้านงอบใต้ และในตำบลหอน ได้แก่ บ้านห้วยโก๋น ,บ้านห้วยสะแกง,บ้านเมืองเงิน และ ในตำบลแพะได้แก่ บ้านห้วยเต๋ย ,บ้านสะหลี

ดาวน์โหลดแบบ เรือนอนุรักษ์


จากการค้นคว้าหาข้อมูล ทั้งเอกสารและการสำรวจ ทางสถาปัตยกรรมพื้นที่ พบการศึกษาทางสถาปัตยกรรมใกล้ในภาคเหนือของไทย และในจังหวัดน่าน จำนวน 14 เรือน โดยแบ่งเป็นเรือนที่ได้จากการค้นคว้าทางเอกสาร จำนวน 7 เรือน ภาพที่ จากการลงพื้นที่สำรวจ จำนวน 7 เรือน โดยเมื่อนำมาศึกษาถึงความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ และ ขนาดสัดส่วนของพื้นที่ ในแต่ละเรือนใกล้เคียง โดยสามารถแบ่งการใช้พื้นที่