Nanecotourism

สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จังหวัด น่าน

บทที่ 1

การศึกษาวิเคราะห์งานศิลปหัตถกรรมผ้าทอมือ

จังหวัดน่านมีความหลากหลายของชาติพันธ์มาตั้งแต่อดีตที่ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานทาให้มีการแลกเปลี่ยนทางสังคมวัฒนธรรมการอยู่อาศัยและการพึ่งพากันแต่ละกลุ่มนั้นได้นาพาเอาภูมิปัญญาในการดารงชีวิตสืบสานดารงต่อถ่ายทอดให้ลูกหลานอีกด้วยเช่นกันดังเช่นงานหัตถกรรมทอผ้าเป็นปัจจัยการดารงชีวิตที่สาคัญอย่างหนึ่งซึ่งถือเป็นศิลปะและวัฒนธรรมที่ควบคู่มากับวิถีชีวิตสตรีชาวน่านตั้งแต่โบราณที่จะต้องทอผ้าเพื่อใช้เป็นเครื่องนุ่งห่มทอตุงเพื่องานพิธีหรือประดับเพื่อความสวยงามและเครื่องใช้ในชีวิตประจาวันและเนื่องจากความหลากหลายของชาติพันธ์จึงทาให้มีงานหัตถกรรมการทอผ้าหลายรูปแบบซึ่งแต่ละรูปแบบนั้นมีความสวยงามที่แตกต่างกันเนื่องด้วยกรรมวิธีหรือเทคนิควิธีการในการทอการสร้างสรรค์ลวดลายสีซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละกลุ่มที่ยังมีการอนุรักษ์ ถ่ายทอดภูมิปัญญามาจนปัจจุบัน

การทอผ้าในจังหวัดน่าน พบว่ามีการกระจายตัวการผลิตอยู่ในทุกอำเภอส่วนใหญ่มักทำกันเป็นกลุ่มๆ โดยมีประธานหรือหัวหน้ากลุ่มเป็นผู้ดุแลกิจการของงานกลุ่มโดยเป้นการใช้พื้นที่บ้านของประธารในการรวมตัวกันเพื่อพบปะประชุมงานอีกทั้งยังจัดส่วนให้มีการแสดงชิ้นงานต่างๆที่มีการทอเสร็จแล้วเพื่อจำหน่ายเองด้วยผ้าที่ทอเสร็จแล้วบางส่วนจะมีการส่งไปยังตัวแทนจำหน่ายในอีกขั้นตอนหนึ่งและในการทำหรือผลิตสิ้นค่านั้นก็สามารถที่จะทำสิ้นค่าในที่บ้านของตนเองได้โดยในบริเวณว่างๆของบ้านเพื่อวางเครื่องมือที่ใช้ในการทอผ้าซึ่งแสดงวิถีความเป็นอยู่ในการดำเนินหน้าที่การงานอย่างเรียบง่ายไม่จะเป็นต้องออกไปทำงานนอดบ้านจากนี้ยังสามารถจัดสรรเวลาให้กับงานส่วนอื่นๆภานในบ้านอีกด้วย

ลักษณะงานผ้าทอ จากการสารวจงานศิลปหัตถกรรมผ้าทอมือจังหวัดน่าน สามารถวิเคราะห์งานผ้าทอตามหัวข้อหลัก ๆ ที่สาคัญ 3 ข้อดังนี้คือ 1.ประเภทผ้าทอ 2.การทอผ้า3.ลวดลายผ้าทอ

ประเภทของงานผ้าทอจากการศึกษาได้รวามรวมเอารูปแบบลักษณะผ้าขนาดและการใช้สอยซึ่งสาระสาคัญนั้นคือขนาดหน้ากว้างของการทอที่เกิดจากอุปกรณ์การทอซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการกาหนดหน้าผ้าเพื่อให้ได้ตามลักษณะการใช้งานงานผ้าทอที่พบในกลุ่มทอผ้าส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ผ้าซิ่นและผ้าผืนสาหรับนาไปตัดเย็บเป็นเครื่องแต่งกายเป็นหลักผ้าชนิดอื่นๆตามที่มีอยู่ในบันทึกเอกสารนั้นมีให้พบเห็นน้อยหรืออาจเป็นของสะสมของบุคคลบางกลุ่มก็อาจยังมีการอนุรักษ์และมีฝีมือในการทอตุงผ้าแต่จะทอตุงผ้าเฉพาะกรณีที่ต้องใช้งานพิธีกรรมต่างๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม

ประเภทผ้าทอกลุ่มผ้าทอจังหวัดน่าน

2การทอผ้าผ้าของจังหวัดน่านนั้นเป็นผลผลิตจากธรรมชาติที่ได้จากเส้นใยฝ้ายเป็นหลักรวมถึงกระบวนการได้มาซึ่งสีสันที่สวยงามนั้นมีกรรมวิธีการย้อมสีจากพืชพรรณในธรรมชาติเช่นกันอีกทั้งยังใช้ฝีมือแรงงานในท้องถิ่นซึ่งขั้นตอนการได้มาซึ่งผ้าผืนนั้นแบ่งเป็น3ขั้นตอนดังนี้

อธิบายภาพ

ภาพที่ 2.1 แสดงถึงขั้นตอนและกระบวนการ

การเตรียมฝ้าย

ฝ้ายที่ได้ในการทอผ้าของจังหวัดน่าน มาจากปุยฝ้ายซึ่งเป็นดอกฝ้ายโดยนำส่วนปุยมาปั่นกรอก ให้เป็นเส้นใย ฝ้ายมี 2 ลักษณะคือ ฝ้ายชนิด Gossypim Herdaceum Linn. ในวง Malvaceae จะให้เนื้อฝ้าสีขาว - ฝ้ายชนิด G.nanking Mey. Var. siamensius Watt. ฝ้ายข่อนหรือฝ้ายตุ่นจะให้เนื้อฝ้ายสีน้าตาลอ่อนฝ้ายที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นฝ้ายสีขาวซึ่งกลุ่มผู้ทอผ้าบางกลุ่มมีการปลูกฝ้ายเพื่อเก็บเกี่ยวมาปั่นเองและมีการซื้อดอกฝ้ายจากกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกฝ้ายแหล่งอื่นที่ใกล้เคียงหรือบางกลุ่มก็เลือกใช้เส้นฝ้ายที่ผลิตจากโรงงานซึ่งมีขายทั่วไป

ภาพที่ 2.2 แสดงลักษณ์ของดอกฝ้าย

ที่มา : ภาพลายเส้นากภาพถ่ายโดย กรรณาภรณ์ กำลังทรัพย์ 2555

ข้อมูลเพิ่มเติม

อุปกรณ์การทำฝ้าย

ขั้นตอนการทำไจฝ้ายที่ถอดจากเปียฝ้ายเพื่อจัดเก็บ

ภาพที่ 2.3 ภาพแสดงลักษณะการม้วนฝ้าย

การย้อมสี

การย้อมสีฝ้ายสามารถย้อมได้ทั้งผ้าที่ทอเป็นผืนแล้วหรือย้อมเส้นด้ายที่ได้จากฝ้ายก่อนนาไปทอซึ่งการย้อมเส้นฝ้ายก่อนนาไปทอนั้นจะมีข้อดีคือสามารถนาไปสลับสีทอให้เกิดลวดลายในผืนผ้าได้ต่างจากการย้อมสีผ้าทอเป็นผืนซึ่งจะสามารถย้อมได้เป็นผืนสีเดียวสีที่ใช้การย้อมเส้นฝ้ายของกลุ่มผู้ทอผ้านั้นมี2ลักษณะคือการย้อมด้วยสีวิทยาศาสตร์และสีที่ได้จากธรรมชาติเช่นเปลือกไม้ใบไม้ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงการย้อมสีแบบธรรมชาติที่มาจากภูมิปัญญาและได้สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน

การย้อมสีธรรมชาตินั้นได้จากพืชพรรณที่มีในท้องถิ่นซึ่งจะให้สีย้อมที่แตกต่างกันอีกทั้งยังมีเทคนิคในการทาให้สีย้อมที่ได้นั้นมีความเข้มหรืออ่อน ให้ความสวยงามแตกต่างกันไปอีกด้วย ซึ่งสีที่ได้จากพืชนั้นสามารถนามาย้อมสีต่าง ๆ ได้ดังนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม

ตารางแสดงวัสดุการย้อมสีที่ได้จาก ธรรมชาติ

การย้อมสีฝ้ายมีเทคนิคที่ทาให้เกิดลวดลาย และความสวยงาม แตกต่างกันโดย 3 วิธีคือ

  1. ย้อมผืนฝ้าย ที่ได้จากการทอแล้ว ลักษณะนี้จะย้อมได้สีเดียวต่อผืน

  2. ย้อมเส้นฝ้าย เพื่อนาไปแยกสีใช้งานในการทอ ทาให้สามารถสร้างลวดลาย ด้วยการคิดลวดลาย และใช้สีสลับให้เกิดลวดลาย

  3. ย้อมเส้นฝ้ายแบบมัดก่านเป็นวิธีที่มีความนิยมเช่นกันเพราะการมัดไจเส้นฝ้ายก่อนนาไปย้อมทาให้เกิดการติดสีเฉพาะส่วนที่ไม่ได้มัดเมื่อนาเส้นฝ้ายที่ย้อมแบบมัดก่านไปทอ ก็จะได้ลวดลายที่สวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง

อุปกรณ์การย้อมสีผ้าแบบธรรมชาติ

เตาไฟ

กะละมังสังกะสีใสฝ่ายเพื่อต้ม

ไม้พาย

ภาพที่ 2.5 แสดงอุปกรณ์ที่ใช้ในการต้มฝ้าย

ขั้นตอนการย้อมสีธรรมชาติ

ภาพที่ 2.6 แส้งขั้นตอนการย้อมสีฝ้าย

ภาพประกอบ 4.9
ภาพประกอบ 4.10

ภาพที่ 2.7 แสดงลักษณะการต้มและตากฝ้าย

ข้อมูลเพิ่มเติม

การย้อมเส้นฝ้ายแบบมัดก่าน

อุปกรณ์ขนาดใหญ่ในการทอผ้า

กี่ หรือ หูกทอผ้า ทำจากไม้มีลักษณะ 4 เสา มีที่นั่งสำหลับผู้ทอและส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อโยงเส้นฝ้ายเข้าด้วยกับ

ภาพที่ 2.10 แสดงลักษณะของกี่ทอผ้า

ที่มา : ภาพลายเส้นจากภาพถ่ายโดย กรรณาภรณ์ กำลังทรัพย์ 2555

เผียขอ

เผียขเป็นเครื่องมือที่มีขนาดสูงประมาณเอว หรือเท่าโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ประกอบด้วยไม้ 4 ขา และขอบทั้ง 2 ข้างเป็นซี่ไม้เพื่อขึงโยงเส้นฝ้ายให้เป็นระเบียบก่อนนำไปทำเส้นยืนบนกี่ทอผ้าอีกที

ภาพที่ 2.11 แสดงอุปกรณ์เผียขอสำหลับเตรียมเส้นยืน

ที่มา : ภาพลายเส้นจากภาพถ่ายโดย กรรณาภรณ์ กำลังทรัพย์ 2555

อุปกรณ์ขนาดใหญ่ในการทอผ้า

ภาพที่ 2.12 แสดงอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้ในการทอผ้า

1,2 ไม้ล้วงดอกขนาดใหญ่และเล็ก ใช้ล้วงดอกหรือเก็บดอก

3. กระสวยพุ่ง ใช้สาหรับใส่หลอดด้าย

4. ไม้เก็บลาย ไว้สาหรับใช้สอดเก็บลวดลาย

5. ตะกร้าใส่หลอดด้าย ไว้สาหรับเก็บหลอด้าย

6. แปลงขนหมู ใช้แปรงเส้นด้ายยืนไม่ให้พันกันเวลาทอ

7,8 มะกวัก,หางเห็น ใช้ในการเดินด้าย เสียบกับแกนไม้ร้อยให้ มะกวักหหมุนเวลาใช้งาน

9. กงกว้าง ใช้สาหรับกรอด้ายยืนและด้ายเส้นพุ่ง

ขั้นตอนการทอผ้า

ก่อนการทอจะต้อง กรอด้ายเข้าหลอดสาหรับเป็นเส้นพุ่งในการทออีกทั้งเตรียมเส้นยืนโดยการต่อด้ายเส้นเข้ากับด้ายในตะกอทั้งหมดแล้วก็เลื่อนฟืมและเขาผ่านรอยต่อของด้ายไปข้างหน้าจากนั้นไม้ประกบฟืมโดยผูกเชือกแขวนไว้กับคานวางพาดบนโครงกี่ สาหรับวิธีการทอ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1 ให้เหยียบไม้ม้าอันหนึ่งปล่อยอันหนึ่ง เพื่อส่งกาลังผ่านลูกรอกให้ด้ายยืนแยกออกจากกันเป็นช่อง

ขั้นตอนที่2ใช้หม่าสวยหรือกระสวยบรรจุด้ายพุ่งพุ่งลอดระหว่างเส้นยืนโดยใช้มือซ้ายจับหม่าสวยแล้วพุ่งเข้าทางด้านซ้าย และใช้มือขวารอรับหม่าสวยนั้นทางด้านขวา จากนั้นปล่อยไม้ม้าที่ได้เหยียบไว้

ขั้นตอนที่ 3 แล้วเหยียบอีกอันหนึ่งพร้อมกับใช้มือกระตุกฟืมเข้าหาลาตัว เพื่อให้ด้ายที่ขัดเข้ากับขอบผ้าทั้งสองด้าน เมื่อทอกันไว้ให้แน่นทาเช่นนี้เรื่อยๆ

ขั้นตอนที่4จนสุดช่วงแขนก็ต้องม้วนผ้าที่ทอได้แล้วโดยคลายด้ายเส้นที่ผูกโยงกับคานกี่พันผ้าเข้ากับไม้สะป้านพันผ้าเสร็จแล้วผูกด้ายเส้นยืนกับคานกี่ให้ตึงแล้วใช้แปรงขนหมูป่าหวีด้ายให้เรียบแล้วจึงเริ่มทอต่อไปเมื่อทอไปจนเหลือเส้นยืนประมาณ 1ศอกสอดไม้ไผ่ที่เหลาอันเล็กๆตลอดหน้าผ้าแล้วทอเส้นพุ่งให้ยาวประมาณ2-5เซนติเมตรเรียกว่าจ่ามเพื่อให้เหลือริมผ้าไว้ทอครั้งต่อไปแล้วตัดผืนผ้าที่ทอออกเหลือปลายด้ายเส้นยืนให้ติดอยู่กับฟืมและเขาเพื่อสืบหูกหรือต่อกับด้ายเส้นยืนในการทอครั้งต่อไป

ลวดลายผ้าทอ

ลวดลายผ้าทอ ลวดลายที่สวยงามบนผืนผ้าเกิดจากเทคนิคการทอ และการผสมผสานเส้นฝ้ายสีที่ได้จากการย้อมรวมถึงความชานาญของผู้ทอซึ่งเกิดจินตนาการโดยนาธรรมชาติใกล้ตัวเช่นรูปทรงจากดอกไม้หรือจากสัตว์ในวรรณคดีที่มีความหมายที่ดีนามาวิเคราะห์และศึกษาเพื่อสร้างเทคนิคการทอและการสลับสีเส้นฝ้ายที่ใช้ทอให้เกิดลวดลายต่างๆซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีเทคนิคการทอรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่มีการสืบทอดอนุรักษ์สืบมาอีกทั้งกลุ่มทอผ้าเหล่านี้ก็มิได้เพียงแค่ทอผ้าลวดลายเดิมเท่านั้นยังมีการคิดค้นลวดลายใหม่ๆและประยุกต์ลวดลายเดิมให้ดูสวยงามมากขึ้นแต่ก็ยังคงอนุรักษ์ลวดลายและเอกลักษณ์เดิมไว้ซึ่งเป็นภูมิปัญญาบรรพบุรุษที่ได้มอบมรดกทางวัฒนธรรมอันล้าค่าไว้

จากการรวบรวมและศึกษาการทอผ้าในจังหวัดน่านสามารถแบ่งลวดลายผ้าทอเป็น5ประเภทโดยแยกตามเทคนิควิธีการทอดังต่อไปนี้ คือ

ข้อมูลเพิ่มเติม

ลักษณะวิธีการทอลวดลายผ้า

ผ้าซิ่นและลวดลายของผ้าซิ่น

ผ้าซิ่นของจังหวัดน่าน เป็นผ้าซิ่นที่มีชื่อเสียงด้านความงดงามและมีเอกลักษณ์กลุ่มทอผ้าทุกกลุ่มมีการทอผ้าซิ่นเป็นผ้าหลัก แต่ละกลุ่มนั้นก็มีความชานาญแตกต่างกันไป ทั้งทางด้านการให้สี การทอลวดลายซึ่งทักษะการทอที่มีนั้นคือภูมิปัญญาที่ล้าค่าที่ได้ถูกถ่ายทอดสืบมาตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นสิ่งแสดงถึงวัฒนธรรมจากอดีตที่ยังมีความชัดเจนอยู่ในปัจจุบันดังจะเห็นได้จากการแต่งกายส่วนใหญ่ของหญิงชาวน่านที่ยังนุ่งผ้าซิ่นทั้งในแบบดั้งเดิมหรือประยุกต์ให้ดูทันสมัยจากการรวบรวมข้อมูลนั้นผ้าซิ่นในจังหวัดน่านมีหลายรูปแบบเนื่องจากการอาศัยอยู่ของประชากรหลายชาติพันธุ์ในอดีตจึงมีการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมผ้าซิ่นโบราณส่วนใหญ่เป็นของสะสมของผู้ที่ชื่นชอบผ้าโบราณบางส่วนจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์บางครอบครัวก็ยังมีของบรรพบุรุษเก็บไว้เป็นมรดกตกทอดด้วยรู้ซึ้งในคุณค่าของวัฒนธรรมการทอผ้าที่เป็นชื่อเสียงของท้องถิ่นตน

ปัจจุบันกลุ่มทอผ้ายังให้ความสาคัญในการทอผ้าซิ่นลักษณะเดิมแต่ละกลุ่มจะมีจุดเด่นเรื่องลวดลายสีที่แตกต่างกันออกไปและมีการประยุกต์ลวดลายใหม่ๆมาผสมผสานให้สวยงาม อีกทั้งยังมีการปรับและพัฒนาคุณภาพการทอการย้อมสีเพิ่มขึ้นด้วย

ภาพที่ 2.18 แสดงการเรียกชื่อตามโครงสร้งผ้าซิ้น

จากการสารวจผ้าซิ่นทอของจังหวัดน่านในปัจจุบันนั้นสามารถแบ่งลักษณะผ้าซิ่นตามลักษณะรูปแบบโครงสร้างแบบพื้นเมืองที่มีความนิยมและยังสืบสานการทอได้ 5 รูปแบบดังน

ผ้าซิ่นและลวดลายของผ้าซิ่น

  1. ซิ่นป้อง

  2. ซิ่นม่าน

  3. ซิ่นเชียงแสน

  4. ซิ่นคาเคิบ

  5. ซิ่นก่าน (มัดก่านหรือคาดก่าน)

  6. ซิ่นลายไทลื้อ

  7. ซิ่นลายน้าไหล

ผ้าซิ่นลายไทลื้อ

ได้รับอิทธิพลลวดลายที่สวยงามจากชาวไทลื้อเนื่องจากมีชาวไทลื้ออาศัยอยู่มากที่สุดในแถบอาเภอปัวอาเภอท่าวังผาอำเภอเฉลิมพระเกียรติอาเภอทุ่งช้างและอาเภอเชียงกลางกลุ่มชาวไทลื้อมีวัฒนธรรมเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากคือการทอผ้าผ้าทอของชาวไทลื้อมีความงดงามด้วยการผสมผสานลวดลายหลากหลายที่มีความหมายและสีสันที่สวยงามลายไทลื้อมีเทคนิคการทอด้วยเทคนิคการ“เกาะ”หรือ“ล้วง”เช่นเดียวกันกับการทอผ้าลายน้าไหลโดยจะทอลวดลายอยู่ในโครงสร้างของผ้าซิ่นม่านและซิ่นป้องลวดลายส่วนใหญ่เป็นลวดลายพื้นฐานและลวดลายที่มีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ จินตนาการความเชื่อและศรัทธา ลวดลายทอที่พบ ในแบบรูปทรงเรขาคณิต ได้แก่ ลายกาบ ลายหน่วย ลายขอ ลายเครือขอ ลายดอกจ้าย เป็นต้น และลวดลายธรรมชาติ คือ ลายดอกไม้ กับลายสัตว์ ซึ่งลายดอกดอกไม้ อาทิเช่น ลายดอกแก้ว หรือ ดอกจัน ลายเครือเถา ลายต้นไม้ ลายช้าง ลายสิงห์ ลายนาคหรือมังกร ลายนกลายนกหัสดีลิงค์ เป็นต้นและลวดลายในพิธีกรรม ทาขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งปรากฏบนตุง ทางด้านลวดลายนั้น จะประกอบด้วย ลายรูปปราสาทลายต้นดอก ลายรูปสัตว์ 12 ราศี เป็นต้น

ลักษณะลวดลายไทลื้อ

ภาพที่ 2.24 แสดงภาพผ้าไปลื้อ บ้านดอนมูล อ.ท่าวังผา

Nanecotourism